อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การจัดฟัน’ มีประโยชน์มากกว่าในเรื่องความสวยงาม เพราะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพในด้านอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ด้วย เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันไม่สบกันจนใบหน้าผิดรูป เคี้ยวอาหารยาก กินน้อย จนขาดสารอาหาร ฯลฯ จึงไม่แปลกใจที่หลายครอบครัวมักจะพาลูกๆ ไปคลินิกจัดฟันเด็กตั้งแต่ยังอายุไม่เยอะ เพื่อทำให้ฟันสวยงาม แข็งแรง และสุขภาพดี ต่อเนื่องในระยะยาว
สำหรับใครที่กำลังสนใจจะพาลูกไปจัดฟันเด็ก แต่ยังไม่ค่อยรู้ข้อมูลอะไรมากนัก เราชวนมาหาคำตอบ และเตรียมตัวไปพร้อมกันกับบทความนี้
เมื่อไหร่ที่ควรพาลูกไปจัดฟันเด็ก ?
ปกติแล้วทันตแพทย์จะแนะนำให้จัดฟันเด็กก็ต่อเมื่อ เด็กมีลักษณะของฟันที่ผิดปกติ และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
- ฟันหน้ายื่นผิดปกติ
- คางยื่น
- ฟันเก
- ฟันซ้อน
- ฟันห่าง
- ฟันสบกันผิดปกติ
- ฟันน้ำนมหลุดเร็วเกินไป หรือหลุดช้ากว่าปกติ
เพราะอาการเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆ และปัญหาด้านบุคลิกภาพในอนาคตได้ เช่น เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด กลืนอาหารไม่ได้ มักมีอาการไอหรือสำลักบ่อยๆ นอนหายใจทางปาก เด็กชอบใช้ลิ้นดุนฟันเป็นประจำ ยิ้มไม่สวย ใบหน้าผิดรูป เป็นต้น รวมถึงอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าจัดฟันเด็กตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะช่วยป้องกัน และแก้ไขปัญหาเปล่านี้ได้เร็วขึ้น
จัดฟันเด็กได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?
สำหรับช่วงอายุที่เหมาะกับการจัดฟันเด็ก คือ 6-7 ขวบขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่ฟันน้ำนมเริ่มหลุดออก และมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่บ้างแล้ว รวมถึงเป็นช่วงวัยที่ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนการจัดเรียงฟันให้เป็นไปตามแผนการดูแลรักษาได้ง่ายที่สุด
เทคนิคจัดฟันเด็กมีอะไรบ้าง ?
ในอดีต การจัดฟันเด็กมีเทคนิคค่อนข้างจำกัด แต่ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะเทคโนโลยีทางทันตกรรมก้าวหน้าไปมาก ทำให้เด็กสามารถจัดฟันด้วยเทคนิคที่เหมือนผู้ใหญ่ได้มากถึง 4 เทคนิค ดังนี้
การจัดฟันเด็กแบบโลหะ
เป็นเทคนิคจัดฟันเด็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะง่าย และราคาไม่สูง โดยทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือจัดฟัน หรือแบร็กเก็ต (Bracket) ที่ทำมาจากโลหะ ยึดติดบริเวณด้านหน้าของฟันแต่ละซี่ แล้วใช้ยางสีสันต่างๆ รัดลวดที่สอดผ่านแบร็กเก็ต (Bracket) ให้แน่น เพื่อดึงฟันให้เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์ต้องการ
การจัดฟันเด็กแบบเซรามิก
เป็นเทคนิคจัดฟันเด็กที่ใกล้เคียงกับการจัดฟันแบบโลหะ เพียงแต่เครื่องมือที่ใช้จะทำมาจากเซรามิก และมีสีขาวใกล้เคียงเนื้อฟันจริง จึงทำให้เด็กที่เพิ่งจัดฟันไม่รู้สึกแปลก หรือไม่ชิน และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม
การจัดฟันเด็กแบบดามอน
เป็นเทคนิคจัดฟันที่ช่วยให้ฟันเข้าที่ได้เร็วกว่า และทำความสะอาดได้ง่ายกว่าการจัดฟันแบบโลหะ และแบบเซรามิก โดยเครื่องมือจัดฟันสามารถติดแน่นที่ฟันได้เลยโดยไม่ต้องใช้ยางรัด อีกทั้งยังมี Sliding Bracket และ Space-Age Archwires ซึ่งเป็นอุปกรณ์ชนิดพิเศษที่ช่วยดึงฟันให้เข้าที่ด้วยแรงที่นุ่มนวลมากขึ้น
การจัดฟันเด็กแบบใส
เทคนิคการจัดฟันเด็กแบบใหม่ล่าสุด ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือและลวดเหล็กยึดติดฟันตลอดเวลา เพราะเครื่องมือจัดฟันนั้นทำมาจากพลาสติกใส ที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดเองได้ง่ายๆ นอกจากนั้น การจัดฟันประเภทนี้ยังมีจุดเด่นในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์แสดงภาพ 3D การเคลื่อนของฟันได้ด้วย
หมายเหตุ: ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเลือกเทคนิคการจัดฟันให้ลูก
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับ ‘3 เรื่องน่ารู้ ก่อนพาลูกไปจัดฟันเด็ก’ ที่นำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจเรื่องการจัดฟันในเด็กได้มากขึ้น